การใช้พลังงานปีหน้าโตต่อเนื่อง

การใช้พลังงานปีหน้าโตต่อเนื่อง

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภาพรวมด้านพลังงานของประเทศไทยในปี 2553 และแนวโน้มสถานการณ์พลังงานปี 2554 โดยการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ระดับ 1.785 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีการขยายตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การใช้พลังงานทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้น  หากเศรษฐกิจของโลกฟื้นตัวในอัตราเช่นนี้ คาดว่าการใช้พลังงานในปี 2554 จะเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับปี 2553 หรืออยู่ที่ 18,701 ล้านบาร์เรลต่อวัน

สำหรับมูลค่าการใช้พลังงานโดยรวมพบว่า อยู่ที่ 1,796,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (จีดีพี) แม้จะมีปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ 802,200 บาร์เรลต่อวัน หรือลดลง 0.1% แต่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 17.6% หรือคิดเป็น 733,000 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 147,724 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 9.6% คิดเป็นมูลค่าการใช้ไฟฟ้า 478,000 ล้านบาท และปริมาณการใช้แอลพีจีในปี 2553 อยู่ที่ 5.9 ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้น 13.4% เพราะที่ผ่านมา โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงที่ 6 ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ ทำให้นำเข้าแอลพีจี เพิ่มขึ้น 100% อยู่ที่ 1.524 ล้านตันต่อปี และคิดเป็นมูลค่าที่รัฐต้องชดเชยการนำเข้า 20,919 ล้านบาท

ในการส่งเสริมพลังงานทดแทนในปี 2553 มีสัดส่วน 7.75% จะส่งเสริมให้ได้ไม่น้อยกว่า 20% .ในปี 2565 โดยปริมาณการใช้ไบโอดีเซล เพิ่มขึ้นเป็น 1.72 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน การใช้เอทานอลค่อนข้างทรงตัว ที่ระดับ 1.2 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ยอดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,500 ลิตรต่อวัน และคาดว่า ในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นเป็น 41,000 ลิตรต่อวัน ขณะที่รถยนต์ อี85 ในปีนี้ อยู่ที่ 3,400 คัน คาดว่าในปีหน้า จะเพิ่มเป็น 15,000 คัน ส่วนสถานีบริการน้ำมัน ที่จำหน่ายอี 85 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง จากปัจจุบัน มีอยู่ 11 แห่ง   

ส่วนปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ หรือ เอ็นจีวี ในปีนี้ อยู่ที่ 4,900 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้น 22.5% จากปีก่อน และมีจำนวนรถที่ใช้เอ็นจีวี อยู่ที่ 211,368 คัน เพิ่มขึ้น 30.46% ส่วนสถานีบริการเอ็นจีวี ขณะนี้ มี 420 แห่ง และคาดว่าในปีหน้า จะเพิ่มเป็น 530 แห่ง

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า มูลค่าการใช้พลังงานรวมในปีหน้า จะเพิ่มขึ้น 6.6 หรืออยู่ที่ประมาณ 1.915 ล้านล้านบาท จากฐาน จีดีพี ปี 2554 อยู่ที่ 3.5-4.5% ส่วนปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ คาดว่าจะลดลง 0.1% หรืออยู่ที่ 8.14 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่มูลค่านำเข้า คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 17.7% หรืออยู่ที่ 7.4 แสนล้านบาท ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้า จะเพิ่มขึ้น 5.5% หรืออยู่ที่ 1.55 แสนล้านหน่วย ขณะที่มูลค่าการใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 5.5% หรือ 5.04 แสนล้านบาท

สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลกในปีหน้า คาดการณ์ว่า จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  เพิ่มขึ้น 10 % จากปีนี้ ที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลงอีก 2 บาทต่อลิตร จากที่จัดเก็บอยู่ประมาณ 5 บาทต่อลิตร เพื่อพยุงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยมองอว่าควรดำเนินการในช่วงที่เหมาะสม คือ หลังจากสิ้นสุดฤดูหนาว ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการลดลงได้ทันที ซึ่งกระทรวงพลังงานจะยังติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด