พลังงาน ถกด่วนอุ้ม"ดีเซล"เพิ่ม 50สต.วันนี้

พลังงาน ถกด่วนอุ้ม"ดีเซล"เพิ่ม 50สต.วันนี้

กระทรวง พลังงาน นัดประชุมด่วนวันนี้หวังใช้เงินกองทุนอุดหนุนดีเซลเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์ กดราคาขายปลีกไม่เกิน 30 บาท ด้าน ปตท.ขอรอดูราคาตลาดโลกและนโยบาย กบง.ก่อนตัดสินใจ

นาย แพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ในวันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.วาระเร่งด่วนเพื่อพิจารณาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเพื่อไม่ให้ราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซลเกินระดับ 30 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีการเห็นชอบให้ใช้วงเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 5,000 ล้านบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลบี 5 เพิ่มอีกลิตรละ 50 สตางค์ รวมเป็นลิตรละ 1 บาท

สำหรับ แนวทางดังกล่าวจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบเพิ่มเป็นเดือนละ 2,400 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบอยู่เดือนละ 1,200 ล้านบาท ซึ่งหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวสูงต่อเนื่อง จะทำให้วงเงิน 5,000 ล้านบาทสามารถตรึงราคาได้ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือนานที่สุดก็แค่กลางเดือนมีนาคมนี้เท่านั้น

ด้านนาย สรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีกน้ำมัน บมจ.ปตท. บอกว่า ปตท.ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมัน โดยจะรอดูผลการประชุมกบง.วันนี้ก่อน และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ตามผู้ค้าน้ำมัน ต่างชาติ ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลหากไม่มีการช่วยอุดหนุนก็อาจต้องขยับราคา ขึ้นอีกอย่างน้อยลิตรละ 40 สตางค์ เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันขณะนี้กลุ่มดีเซลอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร และกลุ่มเบนซินอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร


ทั้งนี้ บริษัทเอสโซ่และปิโตรนาสแจ้งปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์และดีเซลลิตร ละ 30 สตางค์ มีผลไปแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร ทำให้ดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว มาอยู่ที่ 30.29 บาท และ บี 5 ลิตรละ 29.89 บาท

         
ขณะที่ นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน บอกว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากสภาพอากาศจะหนาวเย็น และการเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์ ทำให้ราคาปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ที่ต้นปีไม่น่าจะเกิน 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  ดังนั้นรัฐบาลควรอนุมัติให้ บมจ.ปตท. ปรับขึ้นราคาขายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี อย่างน้อยกิโลกรัมละ 2-4 บาท จากปัจจุบันที่กำหนดราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท เพื่อให้สะท้อนกับต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. ได้ระบุว่า ราคาเอ็นจีวีควรอยู่ที่กิโลกรัมละ 14.45 บาท

โดยการ ขึ้นราคา NGV จะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ ปตท. ขยายสถานีให้บริการเอ็นจีวี ตามแนวท่อก๊าซให้มากขึ้น แทนการใช้สถานีบริการลูกเช่นในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อประชาชนหันมาใช้บริการ NGV เป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น ก็จะช่วยลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อุดหนุนราคาน้ำมันอยู่ในขณะนี้ได้