ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนธ.ค.พุ่ง 2 เดือนติด
ความ เชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกันแตะ 109.7% หลังความต้องการสินค้า และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
นายพยุง ศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. บอกว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนธันวาคม ปี 2553 ค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 109.7 จากระดับ 99.7 ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน ติดต่อกัน และดัชนีมีค่าเกิน 100 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอยู่ใน ระดับดี
สำหรับ สาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการปรับตัวดีขึ้นเกิดจากความต้องการ สินค้าและบริการที่เป็นแรงส่งต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ประกอบกับอยู่ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ และขณะเดียวกันราคาสินค้าเกษตรยังส่งผลดีต่อเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สถานการณ์ทางการเมืองไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแม้ว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดง และภาคการส่งออกยังคงขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชีย
นายพยุง ศักดิ์ บอกด้วยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 115.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 113.6 ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับ ปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลได้แก่ สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด รองลงมา คือ อัตราแลกเปลี่ยน สภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐดูแลราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่จะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านและมีการกระตุ้นการส่ง ออกอย่างต่อเนื่อง และ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ยังต้องการขอให้รัฐบาลชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG ออกไปก่อน เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ LPG ปรับตัวไม่ทัน เพระใช้ในกระบวนการผลิตถึง 12% คิดเป็นจำนวน 625,000 ตัน และยังเป็นต้นทุนรวมสูงถึง 25-40% ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหาร เคมี พลาสติก ยา และอุตสาหกรรมยาง เป็นต้น
นอกจาก นี้ ของให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณบางส่วนหรือจัดหาวงเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ ควรมีมาตรการจัดหาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างพอเพียง ก่อนโดยมีราคาไม่แตกต่างจากเดิม เช่น NGV / LNG มาตรการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้เหมาะกับเชื้อเพลิงทางเลือก และมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน